“Circular Economy” การหมุนเวียนทรัพยากร กับโอกาสในการต่อลมหายใจของเราทุกคน

2022-07-26

“Circular Economy” 
การหมุนเวียนทรัพยากร กับโอกาสในการต่อลมหายใจของเราทุกคน

 

 


สภาวะโลกร้อน การขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติ โรคระบาด จนถึงการขาดแคลนอาหาร สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเราเลย เพราะเราต่างได้รับผลกระทบอยู่ทุกๆ วัน โดยสาเหตุนั้นก็มาจากการใช้ชีวิตของมนุษย์อย่างเรานั่นเอง

แล้วทางออกคืออะไร? แม้ว่าวิกฤตต่างๆ จะทวีความรุนแรงจนยากจะแก้ไข แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางออก ปัจจุบันนี้ได้มีการนำ “หลักเศรษฐกิจหมุนเวียน” หรือ “Circular Economy” มาใช้ เพื่อการพัฒนาและเปลี่ยนปัญหาเป็นทางรอดในการต่อลมหายใจให้โลก และให้เราทุกคน ซึ่งสามารถใช้งานได้ในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม หรือสิ่งแวดล้อม

แต่นอกเหนือจากหลักการ นั่นคือการลงมือทำ เพราะวิกฤตนี้ใหญ่เกินกว่าจะแก้แค่คนเดียว หลายองค์กร หลายกลุ่มคนจึงร่วมกันผลักดันการทำ Circular Economy ในรูปแบบที่ตัวเองสามารถทำได้ COTTO จึงร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันการทำธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยหลัก Circular Economy ในหลากหลายสินค้าและกระบวนการเช่นกัน 

ในบทความนี้ เราจะชวนผู้อ่านมารู้จักกับ Circular Economy ให้มากยิ่งขึ้น และมาดูกันว่า COTTO มีการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับแนวคิดดังกล่าวอย่างไรบ้าง

 

Circular Economy คืออะไร ทำไมจึงเป็นทางรอดในวิกฤต

 


ก่อนจะทำความเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจหมุนเวียน เราต้องย้อนไปดูหลักเศรษฐกิจแบบเดิมที่ถูกใช้กันมาก่อน ซึ่งก็คือ “เศรษฐกิจแบบเส้นตรง” (Linear Economy) คือการนำทรัพยากรมาผลิตสินค้า และเมื่อเลิกใช้แล้วจะถูกทิ้งไม่นำกลับมาใช้อีก จึงเกิดการใช้ทรัพยากรไปเรื่อยๆ และทิ้งขยะไว้ไม่จบไม่สิ้น เป็นการผลิตแบบเส้นตรงแบบ Make (ผลิต) > Use (ใช้) > Dispose (ทิ้ง)

 

 

ที่ผ่านมาธุรกิจหลายๆ ประเภทใช้การดำเนินงานแบบนี้ เพราะมองปลายทางที่ผลกำไร ไม่ได้คิดถึงเรื่องการรักษาต้นทุนด้านทรัพยากรธรรมชาติ การหมุนเวียนวัตถุดิบให้เกิดประโยชน์สูงสุด หรือวิธีการลดของเสียที่จะเกิดขึ้น เน้นดันยอดขาย ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้คนซื้อไปเปลี่ยนเรื่อยๆ และในส่วนของผู้ใช้งานเอง เมื่อสินค้าหมดอายุก็ไม่มีช่องทางกำจัดอย่างถูกต้อง จนสุดท้ายต้องทิ้งให้เป็นขยะ สร้างผลกระทบต่อโลกวนไปเรื่อยๆ 

เมื่อ Linear Economy พาทุกมิติมาถึงทางตัน “Circular Economy” จึงเป็นทางออก โดย Circular Economy เป็นการหมุนเวียนใช้ทรัพยากรธรรมชาติในห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) และเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการของเสีย วัตถุดิบ สินค้าที่หมดอายุ และพลังงาน ให้กลับไปเป็นทรัพยากรที่หมุนเวียนอยู่ในระบบด้วยกระบวนการที่เหมาะสม หรือที่เรียกว่าระบบผลิตแบบหมุนเวียนแบบ Make (ผลิต) > Use (ใช้) > Return (ส่งคืน)

 

 

Circular Economy จึงเป็นวิธีการดำเนินแนวธุรกิจใหม่ ที่คำนึงถึงตลาด (ผู้ผลิต/แบรนด์) ลูกค้า (ผู้ใช้งาน) และทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ โดยอาจนำเทคโนโลยีเข้ามาเพื่อช่วยเปลี่ยนวิธีการจากเส้นตรง (Linear) เป็นวงกลม (Circular) นั่นเอง


Circular Economy กับโอกาสของความยั่งยืนในมิติต่างๆ

 


อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า Circular Economy นั้นไม่ได้ส่งผลแค่กับสิ่งแวดล้อมของโลก แต่ยังช่วยเปลี่ยนมิติของเศรษฐกิจและสังคมให้เกิดความยั่งยืนอีกด้วย โดย SCG Circular Way ได้สรุปตัวอย่างของผลที่เกิดขึ้นในมิติต่างๆ ไว้ เช่น

ความยั่งยืนด้านเศรษฐกิจ

  • การเปลี่ยนแปลงเข้าสู่หลักเศรษฐกิจหมุนเวียนของภาคธุรกิจ จะช่วยเพิ่มการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product : GDP) และเพิ่มความยืดหยุ่นของเศรษฐกิจโลก
  • การดำเนินการตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ช่วยให้ภาคธุรกิจกำหนดนโยบาย การปฏิบัติงานทางราคาและภาษีได้

ความยั่งยืนด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม

  • หลักเศรษฐกิจหมุนเวียนช่วยลดการใช้พลังงาน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และช่วยเพิ่มความสามารถในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติที่หมุนเวียนได้ 
  • สามารถนำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนมาปรับใช้กับกระบวนการบริหารจัดการน้ำได้อย่างมีคุณค่าและมีประสิทธิภาพ

จะเห็นได้ว่า Circular Economy นั้นเป็นทางรอด ในการสร้างความยั่งยืน ทั้งการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตได้ ซึ่งจะนำไปสู่การลดการพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติในที่สุด

 

COTTO กับการร่วมสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม

 


เพราะ COTTO เห็นความสำคัญของการธุรกิจด้วยหลัก Circular Economy ซึ่งไม่ได้ยึดถือแค่ผลกำไรเป็นที่ตั้ง แต่ยังคำนึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อม เราจึงออกแบบสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและดีต่อผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง มารู้จักผลิตภัณฑ์และการดำเนินงานของ COTTO ที่ตอบรับกับมิติความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมกัน

 

 

กระเบื้อง ECO COLLECTION

 


ในทุกกระบวนการผลิตที่มีการนำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ มักจะมีวัตถุดิบบางส่วนที่เหลือทิ้งเป็นขยะ (Waste) และมลพิษตกค้างในสิ่งแวดล้อม COTTO จึงให้ความสำคัญกับแนวคิด “Zero Waste” หรือการสร้างขยะเป็นศูนย์จากกระบวนการผลิต ด้วยการสร้างความหมุนเวียนในการใช้ทรัพยากรต่างๆ เพื่อไม่ให้เกิดเป็นขยะตามมา จนเกิดเป็นกระเบื้องคอลเลกชันใหม่จาก COTTO กับ “ECO COLLECTION” 

 


กระเบื้อง ECO COLLECTION มีจุดเริ่มต้นจากการลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติใหม่ โดยการนำ Waste ในกระบวนการการผลิตนำหนุนกลับมาใช้ใหม่ 80% เพื่อเป้าหมาย Zero Waste เมื่อไม่ได้ใช้วัตถุดิบใหม่ ก็สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากการขนส่งวัตถุดิบลงถึง 75% และยังมีระบบหมุนเวียนน้ำในการผลิต จึงลดการใช้น้ำลงถึง 25% ปราศจากสารอินทรีย์ระเหย และไม่มีส่วนผสมของ Toxic Oxide หรือโลหะหนัก ที่มีผลต่อมนุษย์และธรรมชาติ จึงเป็นการตอบรับกับหลัก Circular Economy เพื่อสร้างความยั่งยืนในด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อสังคมและโลก

ข้อมูลเพิ่มเติม : https://bit.ly/3IUYlXI 

 

ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับฉลาก SCG Green Choice

 

 

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา COTTO ดำเนินธุรกิจด้วยหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินธุรกิจ มุ่งวิจัย พัฒนา และนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาผลิตนวัตกรรมสินค้า บริการ และโซลูชั่น ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคยุคใหม่ไปพร้อมๆ กัน อย่างการรับฉลากเอสซีจี กรีนชอยส์ (SCG Green Choice) ฉลากสิ่งแวดล้อมที่รับรองโดยเจ้าของผลิตภัณฑ์เอง (Self-Declared) ตามมาตรฐาน ISO 14021 เพื่อการันตีกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นจนถึงปลายน้ำ ด้วยนวัตกรรมเพื่อมุ่งสู่การพัฒนาเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับการพักอาศัย ทั้งการประหยัดพลังงาน ลดโลกร้อน การประหยัดทรัพยากรธรรมชาติ และยืดอายุการใช้งาน รวมถึงด้านสุขภาพและส่งเสริมสุขอนามัยที่ดี โดยผลิตภัณฑ์ COTTO ที่ได้รับฉลาก Green Choice นั้นครอบคลุมการใช้งานทั้งสุขภัณฑ์ ก๊อกน้ำ และกระเบื้อง เช่น

 

Aqua Soap ก๊อกอัตโนมัติที่ประหยัดน้ำได้มากกว่า 20%

 

 

ทรัพยากรน้ำแม้จะมีมาก แต่กลับนำมาใช้ในการอุปโภคบริโภคได้น้อย เราจึงควรช่วยกันประหยัดน้ำเช่นเดียวกับทรัพยากรอื่นๆ สำหรับการใช้น้ำจากก๊อกน้ำในบ้านนั้นพบว่า มีน้ำเหลือทิ้งเป็นจำนวนมาก เพราะพฤติกรรมของผู้ใช้งานที่มักเปิดน้ำค้างไว้ แม้แต่ตอนฟอกสบู่ล้างมือ COTTO จึงออกแบบก๊อกน้ำชนิดเปิดปิดอัตโนมัติ ‘Aqua Soap’ ซึ่งมีความแม่นยำในการตรวจจับวัตถุ ทำให้ระบบเปิดปิดทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ จึงช่วยประหยัดน้ำได้มากกว่า 20% เมื่อเทียบกับก๊อกน้ำทั่วไป นอกจากนี้ Aqua Soap ยังมีฟังก์ชันพิเศษที่ช่วยดูแลเรื่องสุขอนามัยของผู้ใช้งาน อย่างที่จ่ายสบู่อัตโนมัติ ทำให้ไม่ต้องสัมผัสกับขวดสบู่เหลว ก๊อกน้ำชิ้นนี้จึงออกแบบมาเพื่อคุณและโลกอย่างแท้จริง

ข้อมูลเพิ่มเติม : https://bit.ly/3cydLFh 

 

Simply Modish สุขภัณฑ์สองชิ้น ที่ลดการใช้น้ำ 12.5%

 

 

ชักโครกก็เป็นอีกหนึ่งสุขภัณฑ์ที่มีการใช้น้ำปริมาณมากต่อการฟลัชน้ำหนึ่งครั้ง จนห้างสรรพสินค้าหลายๆ แห่งต้องติดป้ายรณรงค์ให้กดน้ำเท่าที่จำเป็น แต่สำหรับสุขภัณฑ์ Simply Modish ระบบ Dual Flush จาก COTTO นั้นได้ถูกออกแบบมาให้ลดการใช้น้ำลงถึง 12.5% โดยมีให้เลือกทั้งแบบ 3 ลิตร และ 4.5 ลิตร นอกจากการประหยัดน้ำแล้ว Simply Modish ยังมีดีไซน์ที่ใส่ใจด้านสุขอนามัยของผู้ใช้งาน โดยขอบโถสุขภัณฑ์ด้านในถูกออกแบบให้เป็น Rimless Design ที่ช่วยควบคุมเส้นทางของสายน้ำในการชำระล้าง ให้สามารถทำงานได้อย่างทั่วถึงภายในรอบโถสุขภัณฑ์ ทำให้ลดโอกาสในการเกิดคราบสกปรกและยังทำความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม : https://bit.ly/3orNf2I 

 

กระเบื้องโมเสก กระเบื้องที่ลดการใช้น้ำในกระบวนการผลิตอย่างน้อย 25%

 

 

นอกจากการใช้น้ำในครัวเรือนแล้ว ในแวดวงอุตสาหกรรมก็มีการใช้ทรัพยากรน้ำเป็นจำนวนมากเช่นกัน อย่างเช่นในกระบวนการผลิตกระเบื้อง ซึ่งต้องมีการใช้น้ำเป็นองค์ประกอบจำนวนมาก COTTO จึงคิดค้นกรรมวิธีในกระบวนการผลิตกระเบื้องให้สามารถลดการใช้น้ำลง เพื่อเป็นการประหยัดทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด จนได้นวัตกรรมที่สามารถการใช้น้ำในกระบวนการผลิตได้อย่างน้อย 25% อย่างในกระเบื้องโมเสก ทุกสี ทุกขนาด คุณจึงมั่นใจได้ว่า การเลือกใช้กระเบื้องจาก COTTO เป็นการเลือกเพื่อโลกที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน

ข้อมูลเพิ่มเติม : https://bit.ly/3B7vZHK 

 

Hygienic Tile กระเบื้องที่ยับยั้งการเกิดเชื้อแบคทีเรียได้ถึง 90%

 

 

ในยุคที่สุขภาพมีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ การดูแลตัวเองให้มีสุขภาพดีจึงควรเริ่มจากหลายๆ อย่างประกอบกัน ทั้งการทานอาหาร การออกกำลังกาย รวมถึงการปรับสภาพอารมณ์ให้แจ่มใส นอกจากการดูแลตัวเองจากภายในแล้ว เรายังควรดูแลตัวเองจากสภาพแวดล้อมภายนอกด้วย เพราะเชื้อโรคในปัจจุบันนี้มีแพร่กระจายอยู่ทุกที่ ไม่เว้นแม้แต่ในบ้าน หากเราสามารถปูความปลอดภัย โดยสร้างพื้นที่ที่สามารถยับยั้งการเกิดเชื้อโรคได้ ก็จะเป็นการดูแลตัวเองได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด COTTO จึงไม่หยุดยั้งในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ที่ช่วยดูแลเรื่องสุขอนามัยของผู้ใช้งาน อย่าง 'กระเบื้อง Hygienic' ที่มี Silver Nano ซึ่งอยู่ในชั้นสีของกระเบื้อง โดยจะส่งประจุบวกเพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรียได้ถึง 90% และยับยั้งไปถึงต้นตอของแบคทีเรีย นอกจากนี้ยังไม่สะสมสิ่งสกปรก จึงทำความสะอาดได้ง่ายกว่ากระเบื้องทั่วไป ช่วยให้การดูแลตัวเองและคนที่คุณรักเริ่มต้นได้จากในบ้าน

ข้อมูลเพิ่มเติม : https://bit.ly/3PnWVau 

อาจกล่าวได้ว่า หลัก Circular Economy นั้นไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็น “ทางรอด” ที่จะพาเราทุกคนออกจากวิกฤตสิ่งแวดล้อมในตอนนี้ ซึ่ง COTTO นั้นร่วมเป็นส่วนสำคัญที่จะผลักดันการสร้างความยั่งยืนผ่านผลิตภัณฑ์ที่คิดมาเพื่อผู้ใช้งานและโลก เพื่อให้การใช้ชีวิตตามวิถี Circular Economy เกิดขึ้นได้ในบ้านของทุกๆ คน ด้วยการร่วมกันสร้างวงกลมแห่งการหมุนเวียนตั้งแต่วันนี้ โดยเริ่มต้นง่ายๆ ในบ้านของเรา


อ้างอิง 


https://www.scg.com/sustainability/circular-economy/scg-circular-way/
https://www.bot.or.th/Thai/ResearchAndPublications/articles/Pages/Article_30Jul2019.aspx
https://www.scgbuildingmaterials.com/th/campaign/scg-green-choice