Dream destinations with the great design to die for! 10 จุดหมายกับดีไซน์อันโดดเด่นที่ชาตินี้ต้องไปดู

2020-11-30

 

Dream destinations with the great design to die for!

10 จุดหมายกับดีไซน์อันโดดเด่นที่ชาตินี้ต้องไปดู

 

                โลกแห่งการออกแบบมีอะไรเจ๋งๆ ซ่อนเอาไว้มากมาย เหมือนอย่างสถานที่ที่โดดเด่นมีสไตล์ด้วยดีไซน์อันงดงาม จากการออกแบบแสนมหัศจรรย์ของเหล่าสถาปนิกทั้งไทยและทั่วโลก ทั้งห้องสมุด ร้านกาแฟ โรงแรม บ้าน ไปจนถึงสนามกีฬา เป็น Dream Destination ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้คนได้เดินทางไปเติมเต็มความฝัน เพื่อสัมผัสผลงานอันยอดเยี่ยม และการออกแบบที่หลุดจากกรอบความคิดและข้อจำกัดแบบเดิมๆ ที่ช่วยแต่งแต้มความคิดสร้างสรรค์ และมอบแรงบันดาลใจด้านสถาปัตยกรรมให้แก่ผู้มาเยือน

มารู้จักกับ 10 จุดหมายกับดีไซน์อันโดดเด่น ที่คุณต้องออกไปสัมผัสสักครั้ง จดใส่ลิสต์ไว้ สถานการณ์ COVID-19 ดีขึ้นเมื่อไร เราเตรียมออกเดินทางกันเลย!

 

1. Royal Portuguese Reading Room หอสมุดกลางสุดโอ่อ่าตระการตาในบราซิล

 

 

Credit Photo : https://img.theculturetrip.com/fit-in/1024x/wp-content/uploads/2016/10/edu-mendes-sal-o-da-bibliotec.jpg

                หอสมุดกลางใจกลางกรุงริโอเดอจาเนโร (Rio de Janeiro) ประเทศบราซิล ที่สวยงามราวกับฉากในภาพยนตร์ สร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ.1880 -1887 โดยสมาคมผู้อพยพในโปรตุเกส จากการออกแบบของราฟาเอล ดา ซิลวา (Rafael da Silva) สถาปนิกชาวโปรตุเกส ก่อสร้างและตกแต่งสไตล์โกธิค-เรเนซองส์ (Gothic-Renaissance) ภายในตกแต่งด้วยโครงเหล็กดัด กระเบื้องหลากสี โคมไฟระย้า รูปสลัก และรูปปั้นที่สะท้อนถึงยุคทองของการค้นพบดินแดนใหม่ของโปรตุเกสในช่วงศตวรรษที่ 15 -16 ที่นี่มีอายุเก่าแก่กว่า 180 ปี และเต็มไปด้วยหนังสือหายากกว่า 350,000 เล่ม ถือเป็นหอสมุดที่ใหญ่ที่สุดและทรงคุณค่าของชาวโปรตุเกสที่ยังหลงเหลือไว้ที่ประเทศบราซิล หนอนหนังสือทั้งหลายน่าจะอยากไปเยือนสักครั้งในชีวิต

 

 

2. SALVAGED RING CAFE คาเฟ่ไม้หลังคาวงแหวน ในชนบทของเวียดนาม

 

 

Credit Photo : https://images.adsttc.com/media/images/53a7/2c6c/c07a/80a3/9300/00b1/large_jpg/PORTADA_4.jpg?1403464803

                ร้านกาแฟริมทางหลวงในชนบทของเมืองนาตรัง ประเทศเวียดนาม ร้านกาแฟแห่งนี้เป็นของช่างไม้ผู้ชุบชีวิตเศษไม้เก่าๆ ด้วยการนำมันมาสร้างเป็นคาเฟ่ไม้อันสวยงาม ออกแบบโดยสำนักงานสถาปนิก a21 Studio จากเวียดนาม พื้นปูนเปลือยให้อารมณ์ความดิบ เท่ห์ เน้นความเรียบง่ายสไตล์ลอฟต์  ตัดด้วยความพลิ้วไหวของหลังคาทรงโค้งที่ทอดยาวต่างระดับจากริมทางหลวงไปยังริมฝั่งแม่น้ำ ทำให้รูปทรงโดยรวมดูซอฟท์ลง ทั้งยังเล่นกับแสงและเงาจนเกิดเป็นลวดลายแปลกตาบนฝาผนัง ผู้มาเยี่ยมชมจะได้พบกับเส้นทางที่แปลกใหม่จากภายนอกร้านไปจนถึงการตกแต่งภายใน ที่นี่ยังได้รับการคัดเลือกให้ได้รับรางวัล Wood Excellence Awards ปี 2014 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ World Architecture Awards อีกด้วย

 

 

3.The Elbphilharmonie ฮอลล์คอนเสิร์ตโครงสร้างแปลกตา แลนด์มาร์กแห่งใหม่ในเมือง Hamburg

 

 

Credit Photo : https://www.catdumb.com/wp-content/uploads/2017/10/1-39.jpg

                อาคารที่โดดเด่นด้วยโครงสร้างกระจกสูง 50 เมตร และหลังคาทรงโค้ง ออกแบบโดย 2 สถาปนิกเพื่อนซี้ Jacques Herzog และ Pierre de Meuron ตั้งอยู่บนพื้นที่ท่าเรือ Sandtorhafen ริมแม่น้ำ Elbe เป็นอาคารที่สูงที่สุดในเมือง หลังคาของอาคารได้รับการออกแบบให้มีลักษณะคล้ายกับรูปทรงของคลื่นและปกคลุมด้วยแผ่นโลหะขนาดใหญ่ ที่แวววาวเมื่อสะท้อนผิวน้ำ ตัวอาคารยังประกอบด้วยแผ่นแก้วที่เปลี่ยนสีในตอนกลางคืน นับว่าเป็นความงดงามทั้งในรูปแบบของดนตรีและสถาปัตยกรรมที่รวมกันได้อย่างลงตัวและน่าทึ่ง

 

 

                ตัวอาคารแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนบนที่เป็นกระจกและส่วนล่างที่เป็นคอนกรีต สามารถรองรับคนได้ 2,100 คน มองเห็นวิวรอบเมืองได้ 360 องศา เป็นอีกตึกในยุโรปที่มีความท้าทายทางโครงสร้าง เพราะต้องเสริมเสาคอนกรีตเพิ่มถึง 1,700 เสา เพื่อรับน้ำหนักตัวอาคารที่ยื่นลงไปในแม่น้ำ Elbphilharmonie ยังถูกจัดให้เป็นพื้นที่สำหรับการจัดประชุมสำคัญแห่งชาติหลายครั้ง ในฐานะที่เป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมสมัยใหม่


4. The Mirrorcube โรงแรมบ้านต้นไม้ กลมกลืนในผืนป่าสวีเดน

 

 

Credit Photo :  https://www.treehotel.se/en/all-rooms/8-rum/23-the-mirrorcube

 

                The Mirrorcube เป็นโรงแรมรูปทรงคล้ายกล่องอลูมิเนียมขนาดใหญ่ที่ห้อยอยู่ท่ามกลางต้นไม้ สูงจากพื้นดินประมาณ 4-6 เมตร ตั้งอยู่ที่เมือง Harads ห่างจากตัวเมือง lulea ทางเหนือของสวีเดนไปประมาณ 50 กิโลเมตร ออกแบบโดย Tham & Videgard architects  ผนังภายนอกมีกระจกล้อมรอบ 360 องศา ทำให้มองเห็นภาพของต้นไม้รอบด้าน สถาปนิกออกแบบให้ที่พักรูปทรงกล่องแห่งนี้กลมกลืนกับสภาพป่า และมีระบบป้องกันนกบินชน เพราะห้องพักอาจถูกพรางตาจนแทบสังเกตไม่เห็น


            ที่พักแห่งนี้สามารถรองรับผู้เข้าพักได้ 2 คน พร้อมเตียงคู่ ห้องน้ำขนาดเล็ก ที่นั่งเล่นขนาดจิ๋ว และลานระเบียงบนดาดฟ้า ผู้เข้าพักสามารถชื่นชมทัศนียภาพกว้างไกลอันงดงามผ่านหน้าต่างหกบานของห้องพักรูปร่างแปลกตานี้

 

 

5. โรงแรม La Muralla Roja เมือง Calpe ประเทศสเปน

 

 

Credit Photo :  https://www.catdumb.com/wp-content/uploads/2017/05/3-431.jpg


                La Muralla Roja โรงแรมท่ามกลางเนินหินขนาดใหญ่ในเมือง Calpe ประเทศสเปน ออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมแบบเมดิเตอร์เรเนียน เดิมทีตัวของโรงแรมถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1973 เป็นผลงานสถาปัตยกรรมแบบ Kasbah ที่มีกลิ่นอายแบบอาราบิก และมีรูปแบบคล้ายเขาวงกต ต่อมา Ricardo Bofill สุดยอดสถาปนิกได้ออกแบบและปรับแต่งพื้นที่แห่งนี้ขึ้นมาใหม่ โดยมีความพิเศษตรงที่ตัวตึกที่มีสีสันสดใส ทั้งชมพูฟ้า ด้านนอกอาคารมีสีแดง แต่เมื่อสะท้อนแสงแดดก็จะเห็นเป็นสีชมพูพาสเทล ส่วนพื้นที่ด้านในกลายเป็นสีม่วงสลับกับสีฟ้า เป็นโรงแรมสุดคูลที่เหมาะกับการไปเที่ยววันหยุดและถ่ายรูปอัปลงโซเชียลเป็นที่สุด!!

 

 


6. Tokyo 2020 Olympic Stadium สนามกีฬาแห่งชาติโตเกียว  

 

 

Credit Photo :  https://gtimg.tokyo2020.org/image/private/t_article-lead-image-largedesktop-retina/production/u4vszytlwxuspn7jnrwp


                ในแวดวงงานสถาปัตยกรรมเกี่ยวกับการกีฬา ไฮไลต์ที่สำคัญในขณะนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นสนามกีฬาแห่งชาติโตเกียว ผู้ออกแบบคือ เคนโกะ คุมะ (Kengo Kuma ) สถาปนิกชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก สเตเดียมแห่งนี้เป็นทรงรีขนาดใหญ่ ก่อสร้างโดยใช้วัสดุไม้จากทั่วประเทศ มีโครงสร้างเหล็กรองรับอย่างแน่นหนา รูปร่างภายนอกคล้ายเมล็ดสนที่แบ่งเป็นชั้นๆ แต่ละชั้นจะปลูกต้นไม้เอาไว้ด้วยเพื่อเชื่อมโยงธรรมชาติโดยรอบให้เป็นหนึ่งเดียวกันกับตัวสนามกีฬา นอกจากจะใช้เป็นพื้นที่จัดแข่งกีฬา และใช้ในพิธีเปิดและปิดงานแล้ว ยังถือเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ที่สวยงามและกลมกลืนไปกับภูมิทัศน์ของเมือง

 

 

7.Casa Mila ตึกรูปทรงไม่ซ้ำใครจากจินตนาการของศิลปินเอก

 

 

Credit Photo :  https://www.tgtourism.tv/wp-content/uploads/2020/04/Exterior-La-Pedrera_La-Pedrera-1000x600.jpg


                ตึกประหลาด คาซา มิลา ออกแบบโดยสถาปนิก Antoni Gaudí ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากถ้ำที่พักของชาวแอฟริกันที่อยู่บนหน้าผาอันสูงชัน ตึกหลังนี้สร้างขึ้นแต่สมัยศตวรรษที่ 20 เป็นสิ่งก่อสร้างสไตล์อาร์ตนูโว โดยศิลปินเน้นการการปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ ทำให้ตัวตึกดูมีชีวิตชีวา พลิ้วไหว ไม่แข็งทื่อ เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของตึกคือ ตัวอาคารซึ่งมีผนังโค้งคล้ายเกลียวคลื่นมหึมา การตกแต่งในส่วนของรั้วระเบียงตึกตั้งใจให้ดูเหมือนสาหร่ายทะเล  ส่วนตรงกลางจะเป็นปล่องลึกลงไป ตึกนี้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเดินเยี่ยมชมบริเวณตึก รวมถึงขึ้นไปชมรูปปั้นหน้าตาแปลกประหลาดบนดาดฟ้า และชมวิวเมืองบาร์เซโลนาแบบ 360 องศา

 

 

8. Gardens by the bay สวนใหญ่สุดล้ำ ริมอ่าวมารีน่า

 

 

Credit Photo :  https://www.telegraph.co.uk/content/dam/travel/Spark/qatar-airways/gardens-by-the-bay-singapore.jpg?imwidth=1400

 

                Gardens by the bay คือสวนขนาดใหญ่ริมอ่าวมาริน่าในประเทศสิงคโปร์ หนึ่งในประเทศที่มีสถาปัตยกรรมดีไซน์แปลกตาอยู่มากมาย ออกแบบโดยบริษัท Grant Associates ของ Andrew Grant ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการออกแบบที่เน้นความร่วมสมัย และความยั่งยืน ในสวนใหญ่แห่งนี้ประกอบด้วย ฟลาวเวอร์ โดม (Flower Dome) เป็นโดมเรือนกระจกขนาดใหญ่ ซึ่งสร้างโดยไม่ใช้เสา เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมพันธุ์ไม้ต่างๆ และ คลาวด์ ฟอเรสต์ โดม (Cloud Forest Dome) โดมเรือนกระจกที่โอบล้อมพื้นที่กว้าง มีไฮไลต์อยู่ที่ภูเขาน้ำตกขนาดใหญ่ นอกจากการออกแบบที่ทันสมัยแล้ว เรือนกระจกเหล่านี้ยังใช้เทคโนโลยีสุดล้ำเพื่อช่วยประหยัดพลังงาน โดยภายนอกโดมมีต้นซูเปอร์ ทรี (Super Tree) ซึ่งเป็นสวนแนวตั้งขนาดใหญ่ สูงเท่ากับอาคาร 9 ถึง16 ชั้น ทำหน้าที่รวบรวมน้ำฝน ผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ และเป็นเครื่องระบายอากาศสำหรับเรือนกระจกของสวนแห่งนี้


                สถาปัตยกรรมส่วนใหญ่เน้นให้รูปทรงกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อม ทั้งยังจำลองสภาพภูมิอากาศแบบต่างๆ ไว้เพื่อพันธุ์พืชแต่ละชนิด หากไปที่นี่คุณจะได้เห็นความยิ่งใหญ่สวยงามของธรรมชาติ ในขณะเดียวกันก็ต้องทึ่งไปกับความยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรมที่มนุษย์สร้างขึ้น ถือเป็นความมหัศจรรย์ทางสถาปัตยกรรมอย่างแท้จริง

 

 

9. PAUSE CNX คาเฟ่กลางป่าในเชียงใหม่ที่คว้ารางวัลระดับโลก

 

 

Credit Photo :  https://www.facebook.com/PAUSECNX/?ref=page_internal

 

                มาถึงคราวของประเทศไทยกันบ้าง PAUSE CNX พอส ค่าเฟ่ เชียงใหม่ ชื่อเดิมคือ Boonma Cafe ออกแบบโดยทีมสถาปนิก เฌอ เมคเกอร์ (Sher Maker) คาเฟ่ที่ซ่อนตัวอยู่ในสีเขียวธรรมชาติของป่าใหญ่ และดีไซน์ที่ห่อหุ้มด้วยม่านพลาสติก มีความน่าสนใจตั้งแต่ทางเข้าไปจนถึงตัวร้านที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ตัวคาเฟ่เป็นอาคารทรงกล่องสูง 6 เมตร ตกแต่งแนวลอฟต์ สถาปนิกเลือกที่จะเก็บโครงสร้างเดิมของอาคารอย่างตึกทรงสี่เหลี่ยมโครงสร้างเหล็ก รวมไปถึงไม้ปลูกผสมไว้ทั้งหมด บริเวณ Outdoor ของตัวอาคารโดดเด่นด้วยฟาซาดม่านพลาสติกที่เป็นเอกลักษณ์ ช่วยสร้างมิติการมองเห็นได้อย่างน่าทึ่ง เมื่อแหวกม่านเข้าไปก็จะพบกับกระจกบานใหญ่ พร้อมแนวต้นไม้ที่เรียงสลับกันอย่างสวยงาม


                ผู้ออกแบบได้สร้าง Exterior Curtain หรือม่านภายนอกอาคารให้วิ่งตีคู่ไปกับงานแลนด์สเคป การจะเห็นป่ารอบด้านได้มีวิธีเดียวคือต้องเดินเข้าไปผ่านตัวอาคารเท่านั้น เป็นการสร้างแลนด์สเคปที่มีศักยภาพในการสร้างประสบการณ์ระหว่างการเดินได้อย่างน่าทึ่ง สถาปนิกยังคำนึงถึงองศาในการติดตั้งฟาซาดพลาสติก ด้วยการตีโค้งโดยใช้รัศมีของตัวอาคารเป็นตัวกำหนด และกรุผนังฝั่งหน้าร้านข้างนอกด้วยกระจกเงาทั้งผืน เพื่อสะท้อนภาพบริบทโดยรอบ ด้วยการออกแบบอันแสนโดดเด่นนี้ ที่นี่จึงกลายเป็นคาเฟ่แห่งเดียวในไทยที่คว้ารางวัลชนะเลิศระดับโลกทางด้านสถาปัตยกรรมและแลนด์สเคปจาก Architect ในปี 2020

 

 

10. คาเฟ่โรงบ่ม เก๊าไม้ เอสเตท 1955 (Kaomai Estate 1955)

 

 

Credit Photo :  https://images.workpointnews.com/workpointnews/2019/02/04203103/1549287058_23963_3.jpg

 

               คาเฟ่สุดฮิปดีไซน์เจ๋งในไทยอีกแห่งหนึ่งในอำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งพื้นที่ดั้งเดิมเป็นโรงงานบ่มใบยาสูบอายุกว่า 60 ปี แต่ปัจจุบัน “เก๊าไม้” เป็นที่รู้จักในนามคาเฟ่ และอาคารห้องพัก ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่และไม้เลื้อยซึ่งขึ้นปกคลุมพื้นผิวของอาคารเก่าอย่างสวยงาม โดยมีการปรับปรุงแนวโรงบ่มบริเวณส่วนด้านหลังของรีสอร์ต พร้อมกับการบูรณะ และพลิกฟื้นอาคารโรงบ่มบางส่วนให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์และคาเฟ่ มีการปรับภูมิทัศน์ด้านหลังคาเฟ่ ให้กลายเป็นลานอัฒจันทร์ดิน สำหรับการทำกิจกรรมภายนอก โดยผู้ออกแบบมีความตั้งใจที่จะอนุรักษ์มรดกทางสถาปัตยกรรมจากโครงอาคารโรงบ่มใบยาสูบเก่าดั้งเดิม ไปพร้อมกับต้นไม้ใหญ่และธรรมชาติในพื้นที่ให้คงอยู่ให้นานที่สุด


ด้วยการออกแบบอันโดดเด่นและกลมกลืนกับบริบทในอดีต ความเข้าใจอย่างแท้จริงในสถานที่ของผู้ออกแบบ ทำให้ “เก๊าไม้ เอสเตท 1955” (Kaomai Estate 1955) คว้ารางวัล New Design in Heritage Contexts ประจำปี 2018 จากยูเนสโก เอเชีย-แปซิฟิค (UNESCO Asia Pacific)

 

 

                นอกจากธรรมชาติ อาหาร และผู้คนแล้ว ดีไซน์ ก็ได้กลายเป็นอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญของการท่องเที่ยวของใครหลายคน ลองคิดถึงวันที่ได้เดินเล่นไปเรื่อยๆ ดื่มด่ำกับความงามของสถาปัตยกรรมที่สวยงามดั่งฝัน ตื่นตาตื่นใจไปกับความยิ่งใหญ่ของสิ่งก่อสร้างที่มีทั้งความใหญ่โต อลังการ สวยงาม แปลกตา รับรองว่ามนตร์เสน่ห์จากสถาปัตยกรรมเหล่านี้ จะช่วยชาร์จพลังกาย พลังใจ และพลังความคิดสร้างสรรค์ได้ดีไม่แพ้การท่องเที่ยวในรูปแบบอื่นเลยล่ะ

                  โดนใจที่ไหน ปักหมุดเอาไว้ และเตรียมออกไปเดินทางเพื่อครอบครองประสบการณ์ที่แสนพิเศษกันได้เลย